6 วิธีปฏิบัติ ในการเตรียมรับมือ "อากาศหนาว"

อากาศหนาว ดูแลสุขภาพด้วย ภาษาอังกฤษ 

Cold weather, take care of your health.


 6 วิธีปฏิบัติ ในการเตรียมรับมือ "อากาศหนาว" 

ดังนี้  

1. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มเครื่องดื่มที่สามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื่นของผิวหนัง 

2. เตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้พร้อมและทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือผ้าห่ม โดยเฉพาะเสื้อผ้ามือสองให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือต้ม เพื่อป้องกันโรคผิวหนัง  

3. งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในช่วงภาวะอากาศหนาว เนื่องจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้และไม่ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น  

4. ระมัดระวังและสังเกตอาการผู้ป่วยที่กินยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยารักษาอาการชัก และอื่นๆ ที่มีผลทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง  

5. ในช่วงอากาศหนาวอาจทำให้เสี่ยงเกิดโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคโควิด 19 ที่มีการติดต่อในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ได้แก่ 

       ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่นอกบ้าน  

      ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ เมื่อสัมผัสสิ่งของต่างๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์  

      เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย ควรเว้นระยะห่าง  แยกของใช้ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด  

      หยุด คือ เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมที่อยู่ในสถานที่แออัด 

6. หมั่นดูแลรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ และอาศัยอยู่ในที่อบอุ่น สามารถป้องกันลมหนาวได้อย่างเหมาะสม


นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปรับลมหนาวตามภูเขาและยอดดอยต่างๆ เมื่อเข้าไปใช้บริการตามแหล่งที่พักหรือกางเต็นท์  ควรสังเกตในเรื่องความสะอาดที่พักเป็นหลัก หากเป็นเต็นท์ก็ควรสังเกตว่ามีเชื้อราหรือไม่ เนื่องจากอากาศเย็นจัดและมีความชื้นสูง จะทำให้มีเชื้อราขึ้นได้ง่าย และที่สำคัญควรดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเพิ่มการดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะกลุ่มดังกล่าวนี้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย หรือหากป่วยจะมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น ถ้าพบว่ามีอาการป่วย ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่   สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ที่มา   https://bit.ly/2I6mEGy



#การเตรียมรับมืออากาศหนาว  #อากาศหนาว #อากาศหนาวดูแลสุขภาพด้วย

"โปรตีนจากพืช" มีประโยชน์อย่างไร


"โปรตีนจากพืช" มีประโยชน์อย่างไร?

ทำไมหลายคนถึงหันมากินโปรตีนจากพืชกันมากขึ้น

.
1. โปรตีนจากพืชมีไฟเบอร์ แต่ในเนื้อสัตว์ไม่มี
.
ไฟเบอร์เป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ ลำไส้ก็เปรียบเสมือนสมองชิ้นที่ 2 ของร่างกาย เพราะลำไส้ผลิตสารที่ทำให้เราไม่ซึมเศร้าชื่อว่าเซโรโทนินถึง 90% ดังนั้นหากลำไส้สุขภาพดี อารมณ์ของเราก็จะดีตามไปด้วย
.
หากเราไม่มีไฟเบอร์เลี้ยงจุลินทรีย์ตัวดี จุลินทรีย์ตัวไม่ดีก็จะเจริญเติบโต และพัฒนาให้เราเป็นโรคร้ายต่างๆได้มากมาย จะเห็นได้จากตัวอย่างคนไข้ของ Dr.Hiromi Shinya ที่พบว่าคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ มักจะมีสุขภาพของลำไส้ที่ไม่ดีเสมอ
.
แม้แต่ฮิปโปเครติส (บิดาแห่งการแพทย์) ยังเคยได้กล่าวเอาไว้เลยว่า "All disease begins in the GUT" โรคทุกโรคเริ่มต้นมาจากในลำไส้ !!
.
2. โปรตีนจากพืชมีวิตามิน C แต่ในเนื้อสัตว์ไม่มีเช่นกัน
.
Dr.Linus Pauling (นักเคมีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์) เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า "Cancer maybe a disease of Vitamin C deficiency" โรคมะเร็งอาจจะมาจากการขาดวิตามินซี
3. โปรตีนจากพืชไม่มีฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน หรือแม้แต่ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (IGF-1) ซึ่งฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้หากมีมากเกินไป อาจจะทำให้เราเป็นมะเร็งได้เช่นกันค่ะ
.
4. จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nutritional Journal ปี 2010 มีการวัดค่าสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารกว่า 3,100 ชนิด พบว่าอาหารที่มาจากพืชมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าอาหารที่มาจากสัตว์ถึง 64 เท่า
.
5. พืชผักช่วยลดการอักเสบและทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น เพราะไนเตรทที่อยู่ในพืชจะช่วยกระตุ้นการสร้างสารขยายหลอดเลือดที่ชื่อว่า Nitric Oxide นักกีฬาหลายคนจึงหันมากินโปรตีนจากพืชเพราะต้องการให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น
.
6. หรือบางคนอาจจะหันมาทานโปรตีนจากพืชเพราะอยากช่วยลดภาวะโลกร้อน เนื่องจากอุตสาหกรรมการปลูกพืชใช้ทรัพยากรน้อยกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า
.
นอกจากนี้ทำให้จิตใจเปลี่ยน รู้สึกอยากได้-อยากมีน้อยลง และทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นจากสิ่งเล็กๆรอบตัว


ที่มา https://www.facebook.com/beatyourlimitthailand

#โปรตีนจากพืชมีประโยชน์อย่างไร

การรับมือ COVID-19

การรับมือ COVID-19


ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คืออะไรโลกได้รับรู้เรื่องโรคติดต่อปริศนา หลังจากทางการจีนยืนยันเมื่อ 31 ธ.ค. 2019 ว่าเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากรกว่า 11 ล้านคน

โดยหลังจากเก็บตัวอย่างไวรัสจากคนไข้นำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ในเวลาต่อมา จีนและองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้คือ "เชื้อไวรัสโคโรนา"
ก่อนหน้านี้ พบไวรัสโคโรนามาแล้ว 6 สายพันธุ์ ที่เคยเกิดการระบาดในมนุษย์ สำหรับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดเป็นสายพันธุ์ที่ 7
คนไทยรู้จักไวรัสในตระกูลนี้มาแล้วจากโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือ โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome - SARS) ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน โดยพบการระบาดครั้งแรกปลายปี 2002 เริ่มจากพื้นที่มณฑลกวางตุ้งของจีน ก่อนที่จะแพร่กระจายไปในหลายประเทศ จนมีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน และคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 800 คนทั่วโลก


เคล็ดลับการป้องกันง่ายๆ



➤ ฟังคำสั่งให้อยู่บ้านจากหน่วยงานภาครัฐในท้องถิ่นของคุณ
➤ เว้นระยะห่างจากผู้อื่นเพื่อความปลอดภัย 
➤ ล้างมือบ่อยๆ และทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นผิวในบ้านที่มีการสัมผัสอย่างสม่ำเสมอ
➤ อย่าสัมผัสตา จมูก หรือปาก
➤ ยกข้อศอกขึ้นปิดปากหรือใช้กระดาษทิชชู่เมื่อไอและจาม

➤ ถ้าต้องไปในสถานที่ต่างๆ ให้ใส่หน้ากากอนามัย




ติดตามสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ได้ที่
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php?fbclid=IwAR06Dql7hr6-pH9n5_Heosg6wj8llYXhsAsfUCdTNn3dHQJ_YEVrKyoxFTI

#การรับมือ COVID-19

เดินจงกรม ชีวิตสงบสุข สุขภาพแข็งแรง

เดินจงกรม ชีวิตสงบสุข สุขภาพแข็งแรง

(กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน)



ในชีวิตประจำวัน จิตต้องวุ่นวายกับการใช้ชีวิต เดินทางไปซื้อของ
ไปทำงาน ไปส่งลูก ไปเรียนหนังสือ ไปเที่ยวที่ต่างๆ มีทั้งสุข ทุกข์ สับสน

ทำให้จิตสงบด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการเดิน เราต้องใช้การเดินด้วยเท้าเป็นประจำอยู่แล้ว
ซื้อของต่างๆ เราก็ต้องเดิน  เดินเที่ยวในห้าง เดินในที่ทำงาน เดินขึ้นบันได
เดินรดน้ำต้นไม้ เดินในบ้าน แต่การเดินที่ใช้โดยปกติ จิตเราจะได้ไปกำหนดอยู่ตรงนั้น
แต่จะไปอยู่ในสิ่งที่ต้องการ เดินไปซื้อของจะสนใจอยู่ในสิ่งของที่เลือกอยู่ 
เดินไปทำงานใจก็จะสนใจงานที่ทำ การเดินที่จะช่วยให้จิตสงบ
คือ การเดินจงกรม (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน)


การเดินจงกรม หมายถึง การเดินไปและเดินกลับอย่างมีสติ เพื่อปรับแต่งอิริยาบถฯ และอินทรีย์ให้มีความเสมอกัน




เดินจงกรมเพื่ออะไร

1. ช่วยให้จิตมีสติ สงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน

2. ช่วยให้ทรงตัวร่างกายดี

3. ช่วยร่างกายให้แข็งแรง  

4. สามารถฝึกได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานที่

5. ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไร นอกจากร่างกายและจิตใจของเรา สามารถเริ่มฝึกได้แบบง่ายๆ




วิธีการเดินจงกรมภาวนา

1. เตรียมหาสถานที่ที่จะเดินจงกรม ซึ่งสามารถฝึกได้ทุกพื้นที่ แต่จะให้ดีควรเป็นพื้นที่สงบ พื่นเรียบ ไม่ขรุขระ

2. เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรง มือกุมที่ช่องท้อง กำหนดจิตไว้ที่มือที่กุม

3. ยกเท้าข้างขวาขึ้นมา กำหนดจิตให้อยู่ที่การยกเท้า (ยกหนอ)

4. ก้าวเท้าที่ยกออกไป (ย่างหนอ)

5. วางเท้าลงให้เต็มฝ่าเท้า ให้จิตรับรู้การวางเท้า (วางหนอ)

6. ทำข้อ 3-5 ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง แล้วให้กลับตัว แล้วให้เดินกลับมาที่จุดเริ่มต้น

หมายเหตุ
-  เริ่มต้นการฝึกด้วยการฝึก 2 ขั้นตอน คือ ยกหนอ กับ วางหนอ  เมื่อชำนาญก็เพิ่มความยาก                         ขึ้น ฝึก 3 ขั้นตอน คือ ยกหนอ ย่างหนอ และวางหนอ

-  การทำจงกรม ต้องทำอย่างช้าๆ  ไม่รีบร้อนเกินไป

-  ถ้าจิตหลุดไปไม่ต้องกังวล ไม่ต้องหงุดหงิด ให้เริ่มตั้งจิตใหม่

.


ขอขอบคุณ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต

#การเดินจรงกรม  #ฝึกเดินจรงกรม  #จงกรม #วิธีการเดินจงกรมภาวนา

บริหารร่างกาย เสริมสร้างร่างกายแบบง่ายๆ

บริหารร่างกาย เสริมสร้างร่างกายแบบง่ายๆ



ปัจจุบันเราต้องใช้มือถือ คอมพิวเตอร์ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายมีปัญหา  ทั้งเส้นสายที่ตึง ทั่วร่างกาย นิ้วมือและข้อมือที่เกิดการตึง เกร็ง ซึ่งถ้าระยะเวลานานๆ ไม่ดีแน่ ซึ่งทำให้เกิดพังผืด ทำให้การเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก  รูปร่างผิดปรกติ สายตาเสียได้

การแก้ปัญหาเราต้องพักการใช้งานบ้าง แล้วบริหารร่างกายยืดเส้นยืดสาย บริหารสายตา บริหารนิ้วมือ  ข้อมือ เดิน

การบริหารร่างกาย

- หมุนไหล่ ข้างซ้ายข้างขวา   ด้วยการเอานิ้วมือมาชิดกันแล้ววางไว้บนหัวไหล่ แล้วหมุนไปด้านหน้าสิบครั้ง หมุนไปด้านหลังสิบครั้ง 3 รอบ ใช้ความเร็วพอประมาณไม่ช้าหรือเร็วเกินไป


- เอียงคอซ้ายขวา หน้าหลัง   เริ่มด้วยการเอียงคอไปด้านขวารู้สึกตึง แล้วกลับมาตั้งตรง ทำซ้ำ 10 ครั้ง แล้วเอียงคอด้านซ้าย แล้วตั้งตรง ทำ 10 ครั้ง แล้วถึงมาก้มคอไปด้านหน้า แล้วตั้งตรง 10 ครั้ง แล้วถึงมาหงายหน้าไปด้านหลัง แล้วตั้งตรง 10 ครั้ง ทำแต่ละครั้งค้างไว้นิดนึง ไม่ทำเร็วเกินไป



- เอามือประสานกันเหยียดไปข้างหน้า ข้างหลัง  เริ่มด้วยการเอามือประสานกันหันหลังมือเข้าหาตัวเอง แล้วยกไว้ระดับไหล่เหยียดออกไป ทำ 10 ครั้ง จากนั้นเอามือประสานกันหลังมือออกจากตัวเอง เหยียดไป ทำ 10 ครั้ง


- ยกมือไขว้กัน เอียงซ้ายขวา เริ่มด้วยการยกข้อศอกเหนือไหล่ แล้วเอามือจับแขนตรงข้ามกัน แล้วเอียงขวา 10 ครั้ง เอียงซ้าย 10 ครั้ง



- ยกขาเหยียดไปข้างหน้า  เริ่มด้วยนั่งกับเก้าอี้ ยกขาขวาค้างไว้กระดกเท้าเข้าหาตัว 10 ครั้ง จากนั้นยกขาซ้ายค้างไว้กระดกเท้าเข้าหาตัว 10 ครั้ง


การบริหารสายตา

- หมั่นกระพริบตา บ่่อยๆ  ทำให้ตาเราไม่แห้งเกินไป

- หลับตาไว้สัก 5 วินาที  ซึ่งทำให้ตาเราผ่อนคลาย

- พักสายตา มองทั้งระยะใกล้ กลาง ไกล  สามารถที่ย้ายจุดไปหลายสถานที่ ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ไม่จำเจ

การบริหารมือ ข้อมือ

- กำมือแล้วคลาย  เริ่มด้วยการกำมือข้างขวา แล้วเหยียดออกไปให้สุด ทำ 10 ครั้ง จากนั้นมากำมือข้างซ้าย แล้วเหยียดออกไปให้สุด ทำ 10 ครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถทำพร้อมกันมือซ้าย มือขวา



- ยืดนิ้วแต่ละนิ้ว เริ่มต้นจากมือขวา ด้วยการยกนิ้วโป้งขึ้น จากนั้นเก็เก็บนิ้วโป้ง ยกนิ้วชี้ เก็บนิ้วชี้ ยกนิ้วกลาง เก็บนิ้วกลาง ยกนิ้วนาง เก็บนิ้วนาง ยกนิ้วก้อย เก็บนิ้วก้อย  สลับมาทำมือข้างซ้าย


- พับข้อมือขึ้นลง เริ่มจากมือขวาใช้ข้อเป็นตัวหมุนพับมือชีี้ลง  เสร็จแล้วพับมือชี้ขึ้นบน ทำ 10 ครั้ง จากนั้นสลับมาทำมือซ้าย ทำ 10 ครั้ง  แล้วทำพร้อมกันทั้งมือขวา มือซ้าย ทำ 10 ครั้ง





#บริหารร่างกาย เสริมสร้างร่างกายแบบง่ายๆ