พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข

พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข

         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยประชาชนชาวไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังพระราชดำรัสที่ว่า

“ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ ก็คือ พลเมือง นั่นเอง”

         ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่างๆ พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่างๆ และแพทย์อาสาสมัคร โดยเสด็จพระราชดำเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผู้ป่วยไข้ได้ทันที นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงได้ริเริ่มหลายโครงการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดังนี้

 Image result for การแพทยฺในหลวง

โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน

         ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แพทย์ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จฯ ตรวจและรักษาคนไข้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๒ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการชาวเขา และทรงพบว่าราษฎรที่มารอรับเสด็จป่วยเป็นไข้กันมาก

         โครงการดังกล่าวประกอบด้วยการบำบัดรักษาจากคณะแพทย์พระราชทาน และอบรมหมอหมู่บ้าน เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีอุปสรรคที่ระบบปกติยากจะดูแลได้ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราษฎรส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและขาดความรู้ในการดูแลรักษาตนเอง

โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน

         เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ เพื่อตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารโดยไม่คิดมูลค่า และถ้าจำเป็นก็จัดส่งไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม และในท้องถิ่นต่างๆ ที่ห่างไกลตัวเมืองมาก ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ออกทำการตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นกันดาร

Image result for การแพทยฺในหลวง

โครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์

         โครงการตามพระราชประสงค์ หมายถึง โครงการที่ทรงศึกษาปฏิบัติส่วนพระองค์กับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่างๆ เมื่อได้ผลดีแล้วจึงทรงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน

         โดยโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัยเพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง เป็นประจำ


หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่พระราชทาน

ในปี ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชปรารภว่า

        "เวลาพระองค์มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็มีทันตแพทย์ดูแลรักษา แล้วเวลาราษฎรที่อยู่ห่างไกลจะมีทันตแพทย์ช่วยรักษาหรือเปล่า"

ในเวลาต่อมา ทรงทราบว่าทันตแพทย์นั้นมีน้อยและมีอยู่ตามโรงพยาบาลประจำจังหวัดเท่านั้น บางจังหวัดก็ไม่มี

พระองค์ทรงรับสั่งว่า


        "การที่จะให้ราษฎรที่ยากจนที่มีปัญหาเรื่องฟัน หยุดการทำนาทำไร่ เดินทางไปหาแพทย์นั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงกันข้าม หากเป็นการให้บริการเคลื่อนที่ไปสู่ประชาชน ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง"


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสแก่ทันตแพทย์สี สิริสิงห์ ทันตแพทย์ประจำพระองค์ว่า


        "ฉันต้องการให้หมอช่วยไปดูแลบำบัดทุกข์ให้แก่นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นกันดารห่างไกลหมอ และจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตามความจำเป็นโดยให้จัดหน่วยเคลื่อนที่ไปโดยรถยนต์และตระเวนไปตามถนนหนทาง ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลชนบท”


        หน่วยทันตกรรมพระราชทานจึงก่อกำเนิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อรถยนต์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือทำฟัน มีทันตแพทย์อาสาออกปฏิบัติงาน โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๒ โดยมี ทันตแพทย์ สี สิริสิงห์ เป็นหัวหน้าทีม เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือบำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดาร


โครงการศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัย

         ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ แพทย์อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมากประสบการณ์เล็งเห็นความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์ไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูลและความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ในด้านศัลยกรรม และรวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย



โครงการแพทย์ หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้พระราชทาน

         เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคหู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์อาสาสมัครผลัดกันออกไปปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่เสด็จแปรพระราชฐาน โดยอาศัยแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รามาธิบดี ราชวิถี โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา และโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ ๒ สัปดาห์เริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาขยายการปฏิบัติงานไปที่จังหวัดสกลนคร และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่



โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์

         ความเจ็บป่วยของราษฎรเกิดจากการไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ประกอบกับไม่มีสถานพยาบาลอยู่ใกล้ บ้างก็เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ จึงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านรับการฝึกอบรมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การรักษาโรคอย่างง่าย เพื่อสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมหมู่บ้านได้ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เริ่มบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราโชวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาสาขาแพทยศาสตร์ตอนหนึ่งว่า

       “จึงใคร่ขอร้องให้ทุกๆ คนตั้งใจ และพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ผลสมบูรณ์จริงๆ อย่าปล่อยให้กำลังของชาติต้องเสื่อมถอยลงเพราะประชาชนเสียสุขภาพอนามัย”


        นับเป็นพระราชดำรัสที่แสดงถึงความตั้งพระทัยในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรอย่างแท้จริง ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดมั่นที่จะสืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ และ สมเด็จพระบรมราชชนนี พระมารดาของการแพทย์ชนบท ในการที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติสืบไป

Image result for การแพทยฺในหลวง


http://nih.dmsc.moph.go.th/jariyatam/home5.html

พืชผักกับความสวยความงาม

พืชผักกับความสวยความงาม



คุณสาวๆ หลายคนคาดคิดไม่ถึงว่า ศัตรูตัวฉกาจที่ทำร้ายผิวพรรณผู้หญิง ก็คือ โรคท้องผูก ซึ่งสุภาพสตรีวัยตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไปมักจะเป็นกันมาก ทั้งนี้โรคดังกล่าวนั้นมีสาเหตุมาจากการทำงานของระบบ เมตาบอริซึม ผิดปกติไป โดยมีสาเหตุใหญ่มาจากการกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อยเกินไปนั่นเอง

Image result for ผักใบเขียว

หลายคนคงเคยได้ยินว่า หากกินมังสวิรัติแล้วผิวพรรณจะสดใสเปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย ประการแรกอาจเป็นเพราะอาหารจำพวกพืชผักนั้นมีเส้นใยอาหาร (Fiber) สูง ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาโรคท้องผูกเรื้อรังได้ อีกประการหนึ่งก็คือ ผักผลไม้นั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่มีสรรพคุณในการถนอมผิวพรรณ เช่น วิตามิน A และวิตามิน E ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidiant) ที่ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี ทั้งยังปกป้องร่างกายจากเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย

วิตามิน A มีสารประกอบของ Tocopherols และ Tocotrinols พบมากในน้ำมันพืช ถั่วเมล็ดแห้ง แป้งสาลี นม มันเทศ ฟักทอง ผักบุ้ง แครอต กะหล่ำปลี มะเขือเทศ พริกขี้หนู มะม่วง และกล้วย เป็นต้น ซึ่งวิตามิน A จะมี Alpha - Tocopherol ที่เป็นตัว active ที่สุด



วิตามิน E เป็นสาร Antionidant ตัวสำคัญที่พบได้ใน Plasma และเม็ดเลือดแดง โดยปกติวิตามิน E จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์บุผิวชนิด cell membrane lopid จากการถูก Peoxidant มิให้เกิดเป็นอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์ วิตามิน E พบมากในเมล็ดอะโวคาโด ดอกทานตะวัน อัลมอนด์ ถั่วลิสง และผักใบเขียว



ร่างกายของคนเราต้องการวิตามิน E วันละ 12 มิลลิกรัมเพื่อประโยชน์ในการรักษาผิวพรรณและบำรุงร่างกาย ผู้ที่ได้รับวิตามิน E อย่างเพียงพอจะทำให้ผิวพรรณสวยงาม ลดอัตราการเกิดรอยแดงไหม้ (sunburn) ที่เกิดจากแสงแดด ช่วยลดริ้วรอยและความหยาบกร้าน ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ถึง 70 % ช่วยสมานแผล และช่วยลดการเกิดรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี



สารพัดเมนูผัดจานอร่อย

การขจัดตะกรัน

การขจัดตะกรัน

ตะกรัน (fouling) คือ คราบ เมือก ตะกอนสะสม เช่น คราบ ที่เกิดขึ้นบนเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (heat exchanger) คราบดังกล่าว มีผลทำให้การถ่ายเทความร้อนช้าลงบนพื้นที่แลกเปลี่ยนความร้อน อุปกรณ์แลกเปลียนความร้อน (heat exchanger) เช่น เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น (plate heat exchanger) เครื่องระเหย (evaporator) ทำให้สัมประสิทธิ์การถ่ายโอนความร้อนลดลงอย่างต่อเนื่อง

การขจัดตะกรัน
ควรกำจัดตะกรันเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นหากน้ำที่ใช้มีความกระด้างมาก

ขั้นตอนการขจัดตะกรัน
ใช้น้ำส้มสายชู
- เติมน้ำส้มสายชู 1/2 ลิตร
- ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องต้ม

ใช้กรดซิตริก
- ต้มน้ำ 1/2 ลิตร
- เติมกรดซิตริก 25 กรัม ทิ้งไว้ 15 นาที

ใช้สารขจัดตะกรันสำหรับกาต้มน้ำพลาสติกโดยเฉพาะ : ปฏิบัติตามคู่มือแนะนำของผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์นั้นๆ เทน้ำทิ้ง ล้างน้ำสะอาด 5 หรือ 6 ครั้งตามที่ต้องการ

การขจัดตะกันที่ตัวกรอง (ขึ้นอยู่กับรุ่น):
แช่ที่กรองในน้ำส้มสายชูหรือกรดซิตริกเจือจาง
ไม่ควรขจัดตะกรันด้วยวิธีที่นอกเหนือไปจากที่แนะนำไว้ข้างต้น

การบริโภคที่เหมาะสม


การบริโภคที่เหมาะสม

        ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเ้สริฐ หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้เราแข็งแรง ก็คือ การบริโภคอาหาร  การบริโภคที่เหมาะสมคือ การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ วิธีการรับประทาน ซึ่งสามารถทำได้โดย

       1. กินอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่กินอาหารดิบ เช่น ลาบ หลู่ ส้า แหนม ปลาส้ม เป็นต้น  ถ้าเป็นผักสดก็ต้องล้างให้สะอาด ต้องดูสภาพของวัตถุดิบว่าอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่

       2. กินอาหารครบ 3 มื้อ โดยเน้นประเภทผัก ผลไม้ เนื้อปลา และลดอาหารประเภทรสหวาน มัน เค็ม

       3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น อาหารประเภทปิ้งย่าง รมควัน หมักดอง อาหารทอด ของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

       4. กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจ

       5. กินอาหารเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน เพราะการย่อยอาหารเริ่มต้นตั้งแต่ในปากเรา และทำให้การย่อยที่ดี

       6. กินอาหารให้พอดี ไม่มากเกินไป

        7. กินอาหารมื้อเช้าหนักสุด  มื้อกลางวันกับเย็นให้ลดหลั่น ลงไป 

        8. ไม่ควรกินอาหารรอบดึก ก่อนนอน จะทำให้ระบบการย่อยมีปัญหา ไม่ควรนอนดึกจนเกินไปจะทำให้หิว



ธาตุลมเจ้าเรือน

ธาตุลมเจ้าเรือน
คือ คนที่เกิดเดือนเมษายน พฤษภาคม มิถุนายน



บุคลิกลักษณะ ผิวหนังแท้หยาบกร้าน รูปร่างโปร่ง ผอมบาง ข้อกระดูกมักลั่นเมื่อเคลื่อนไหว ขี้อิจฉา ขี้ขลาด รักง่ายหน่ายเร็ว ทนหนาวไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ช่างพูด เสียงต่ำ ออกเสียงไม่ชัดเจน ความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี

เป็นคนชอบเพ้อฝันมีจินตนาการสูง จึงมักเป็นศิลปิน ในทางตรงข้าม มักเป็นคนขี้โมโหง่าย อารมณ์แปรปรวนง่ายไม่มั่นคง ไม่ตรงต่อเวลา

รสชาติอาหารที่ควรรับประทาน คือ รสเผ็ดร้อน

ตัวอย่างอาหาร
เครื่องดื่ม   น้ำขิง  น้ำตะไคร้ น้ำข่า น้ำกานพลู

ผักพื้นบ้าน ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย กะทือ ดอกกระเจียว ขมิ้นชัน ชะพลู ผักไผ่ พริกขี้หนูสด สะระแหน่ ผักชีดาว ผักชีล้อม ยี่หร่า

เกร็ดความรู้
ในช่วงอายุ 32 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการเวียนหัว หน้ามืด เป็นลมง่าย ในฤดูฝนจะเจ็บป่วยง่ายเพราะธาตุลมกำเริบ

ธาตุไฟเจ้าเรือน

ธาตุไฟเจ้าเรือน 
คือ คนที่เกิดเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม


บุคลิกลักษณะ มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ หิวบ่อย กินเก่ง ผม ขน และหนวดอ่อนนิ่ม ผมงอกเร็ว มักหัวล้าน ผิวหนังย่น ไม่ค่อยอดทน ใจร้อน ข้อกระดูกหลวม มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง ความต้องการทางเพศปานกลาง

เป็นคนมีเหตุมีผล คล่องแคล่ว มีจิตใจเมตตาอารี มีความสามารถด้านตัดสินใจเด็ดขาด ว่องไว เชื่อมั่นในตนเองสูง ในทางตรงข้าม หงุดหงิดง่าย เครียดง่าย อ่อนไหวและเข้าใจยาก มีความอดทนต่อสรรถสิ่งรอบด้านต่ำ วู่วาม

รสชาติอาหารที่ควรรับประทาน 
คือ รสขม เย็น และจืด


ตัวอย่างอาหาร

เครื่องดื่ม 
น้ำแตงโมปั่น น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย น้ำเก็กฮวย

ผลไม้ 
แตงโม มันแกว พุทรา แอปเปิ้ล

ผักพื้นบ้าน
ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระเฉด ผักกระสัง สายบัว ผักกาดจีน ผักกาดนา ผักกาดนกเขา มะระ ผักปรัง มะรุม ผักหนาม มะเขือยาว กุยช่าย

เกร็ดความรู้
ในช่วงอายุ 16-32 ปี มักจะหงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อย เป็นคนเจ้าอารมณ์
ในฤดูร้อนจะเจ็บป่วยง่าย อาจเป็นไข้ตัวร้อนได้ง่าย เพราะธาตุไฟกำเริบ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการกินอาหารเจ

dotdot












ประโยชน์ที่ได้รับจากการกินอาหารเจ
 


สำหรับผู้ที่กินอาหารเจเป็นประจำนั้น จะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม 
นั่นคือคุณค่าของอาหารเจจะส่งผลให้ผู้กินได้รับประโยชน์ทั้งทางร่างกายและ ทางจิตใจ 
ประโยชน์ทางด้านร่างกายนั้น สรุปได้ดังนี้

ทางตรง
1. ร่างกายขับถ่ายของเสียออกหมด ทำให้ไม่สารพิษตกค้างอยู่ภายใน 

สารอาหารที่มีคุณค่าในพืช ผักสด ผลไม้ช่วยทำให้การขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ

2. เมื่อทานเป็นประจำ โลหิตถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ 
เซลล์ของร่างกายเสื่อมช้าลงทำให้อายุยืน ผิวพรรณผ่องใสนัยต์ 
ตาแจ่มใส ไม่พร่ามัว ร่างกายแข็งแรง รู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด สุขภาพดี

3. อวัยวะหลักภายในและอวัยวะประกอบทั้ง 5 แข็งแรง 
ทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์มีสมรรถภาพสูง 
(อวัยวะหลักภายในทั้ง 5 ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด 
อวัยวะประกอบทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ 
กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี)

4. ร่างกายต้านทานต่อสารพิษได้สูงกว่าคนปกติธรรมดา 
สารพิษได้แก่ สารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง 
สาร DDT ก๊าซพิษ ที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล ฯลฯ 
สารอาหารในพืชผัก ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ทนต่อการทำลายจากรังสีต่าง ๆ 
เช่น กัมมันตภาพรังสี ที่เกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ ในสงคราม)

5. เมื่อกินเป็นประจำมักไม่เป็นโรครุนแรง เรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ 
ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ไขข้ออักเสบ 
โรคเกาต์ โรคเบาหวานโรคที่เกี่ยวกับระบบ ขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร 
และระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะ และลำไส้ 
โรคกระเพาะอาหารไม่ย่อย นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านร่างกาย 
อาหารเจยังส่งผลที่ดีต่อสภาพจิตใจด้วย


ทางอ้อม

1. ทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็น สุขุม บังเกิดเมตตาจิตอย่างเต็มเปี่ยม 
อารมณ์ไม่ฉุนเฉียวไม่โกรธง่าย

2. ไม่มุ่งร้ายอาฆาตพยาบาท

3. มีสติมั่นคงไม่หวั่นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

4. มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่างสรรเสริญยินดี อวยพรให้
ไม่มีช่องทางที่วิญญาณต่ำทุกประเภทเข้าแอบแฝง
หรือทำอันตรายใด ๆ ได้


การกินเจนั้นเป็นความเชื่อและความศรัทธาของมนุษย์แต่ละคนว่าควรจะต้อง 
ปฏิบัติตนอย่างไรในการดำรงชีวิตการกินอยู่และผลของการปฏิบัติจะส่งผลดีต่อตนเอง
อย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเชื่อและศรัทธาเหมือนกันหมด 
จะเชื่ออะไร เชื่ออย่างไร และปฏิบัติอย่างไรขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเรา 
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือความเชื่อ ความศรัทธาและการปฏิบัติต่าง ๆ 
จะต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งต่อตนองและต่อผู้อื่นด้วย

จุดประสงค์หลักของผู้กินเจ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประการดังนี้

1. กินเพื่อสุขภาพ
อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวิต เอกินติดต่อกันช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกาย

เกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะ สมดุลสามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ 
ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ 
ทั้งนี้ผู้ทานเจจะต้องทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ

2. กินด้วยจิตเมตตา
เนื่องจากอาหารที่เราทานอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ 

ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ย่อมไม่อาจทานเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ 
และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา

3. กินเพื่อเว้นกรรม
ผู้ที่เข้าใจย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่า เพื่อเอาเลือดเนื้อของผู้อื่น

มาเป็นของเรา เป็นการสร้างกรรมเกี่ยวกับการฆ่าโดยตรง 
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่า

บางท่านอาจจะเคยคิดหรือเคยได้ยินมาบ้างว่า กินแต่อาหารเจจะทำให้
เป็นโรคขาดอาหาร แต่ข้อมูลทางการแพทย์กลับยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น 
คนที่กินอาหารเนื้อหรือคนที่กินเจก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดอาหารได้เท่ากัน 
สาเหตุ สำคัญของโรคขาดอาหารในคนทั้ง 2 กลุ่ม ก็คือ การกินอาหารที่ไม่ถูกหลัก 
บริโภคอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต แป้งและน้ำตาล โปรตีน 
ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ เป็นเหตุให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ 
ไม่ครบถ้วนตามที่ตนชอบ โดยไม่คำนึงถึงคุณประโยชน์ที่จะได้จากการกินอาหารนั้น ๆ

คนกินเจรู้จักวิธีดัดแปลงแปรรูปธัญพืชในธรรมชาติให้ได้มาซึ่งโปรตีน เราจะพบเห็น
ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเมล็ดถั่วเหลืองมากมายหลาย ชนิด เช่น น้ำนมถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) 
เต้าหู้ขาว เต้าหู้เหลือง เต้าเจี๊ยว น้ำมันถั่วเหลือง ซีอิ้ว ฟองเต้าหู้ ฯลฯ 
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนอันอุดมและมีคุณค่าสูงยิ่ง

ที่สำคัญมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า แหล่งโปรตีนที่มาจากพืชมีมากกว่าเนื้อสัตว์อีกด้วย !!!



http://www.foodtechproducts.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88.html

เตรียมตัวตรวจสุขภาพประจำปี

เตรียมตัวตรวจสุขภาพประจำปี
  1. ผู้ที่มีอายุต่ำว่า 35 ปี ไม่ต้องงดอาหาร - น้ำเพื่อตรวจสุขภาพ เนื่องจากไม่ต้องตรวจไขมันและน้ำตาลในเลือด
  2. ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่ประสงค์ตรวจไขมันและน้ำตาลในเลือด ให้งดอาหาร- น้ำ ตั้งแต่ 20.00 น. จนถึงเวลาเจาะเลือดตรวจ
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพริน ยากลุ่มสเตียรอยด์และแอลกอฮอล์ 7 วัน ก่อนเก็บอุจจาระ
  4. งดอาหารประเภทเนื้อวัว, หมู, เป็ด, ไก่, เลือดสัตว์, เครื่องในสัตว์, มะเขือเทศ, แครอทและวิตามินซี เป็นเวลา 3 วันก่อนเก็บอุจจาระ ซึ่งเป็นการเตรียมตัวตรวจอุจจาระหาเม็ดเลือดแดงแบบ Stool Occult Blood กรณีที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นสามารถเลือกตรวจอุจจาระหาเม็ดเลือดแดง * แบบ Stool Human Occult Blood และต้องชำระส่วนเกินเพิ่ม 50 บาท กรณีข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจเบิกคืนไม่ได้ สำหรับการตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระเป็นการค้นหามะเร็งลำไส้และทวารหนัก
  5. การเก็บอุจจาระและปัสสาวะควรเก็บในเช้าวันที่มาตรวจโดยขอรับชุดอุปกรณ์บรรจุได้ที่ห้องตรวจสุขภาพ หากไม่มีชุดอุปกรณ์ให้ถ่ายเก็บใส่ถุงพลาสติกใหม่มาจากบ้าน  และเปลี่ยนถ่ายใส่ชุดอุปกรณ์ของโรงพยาบาลก่อนส่งตรวจ
  6. วิธีเก็บปัสสาวะควรเก็บปัสสาวะเวลาเช้าหลังตื่นนอนโดยถ่ายปัสสาวะส่วนต้นทิ้งไปก่อนแล้วใช้ขวดรองรับปัสสาวะในช่วงกลางๆประมาณ 1 ใน 3 ของขวด สุภาพสตรีควรงดเก็บปัสสาวะขณะมีประจำเดือนหรือเก็บหลังประจำเดือนหมด 7วัน
  7. วิธีเก็บอุจจาระให้เก็บขนาดประมาณเท่าปลายนิ้วก้อยบรรจุในภาชนะที่โรงพยาบาลเตรียมให้ หรือใส่ถุงพลาสติกใหม่
  8. เขียนชื่อ  สกุลบนสติ๊กเกอร์ หรือ กรณีมีสติ๊กเกอร์ ชื่อ – สกุลจากโรงพยาบาลลำปางจากการแจ้งชื่อตรวจสุขภาพล่วงหน้าให้ติดสติ๊กเกอร์ที่ข้างภาชนะใส่อุจจาระ – ปัสสาวะ
  9. สุภาพสตรีที่ต้องการตรวจมะเร็งปากมดลูก  ถ้ามีประจำเดือน ให้ประจำเดือนหมดก่อนประมาณ  7  วันจึงจะมาตรวจ รวมทั้งห้ามสอดยาเหน็บยาหรือสวนล้างช่องคลอดก่อนมาตรวจ
  10. ผู้ตรวจสุขภาพควรสวมเสื้อผ่าหน้า เพื่อสะดวกในการตรวจและเตรียมเอกซเรย์ กรณีสวมเสื้อแขนยาวปลายแขนเสื้อสามารถพับขึ้นระดับข้อศอกได้  เพื่อสะดวกในการวัดความดันโลหิตและเจาะเลือด

http://www.lph.go.th/lampang/sbu/healty/health.html

ป้องกันเข่าเสื่อมได้ด้วยตนเอง

ขอบคุณ Cr.มูลนิธิ หมอชาวบ้านค่ะ😊✨

การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี เป็นสิ่งแรกที่ควรคิดถึงนะคะ เพื่อนๆ
สุขภาพดีๆ..หลายอย่าง ที่ดีๆ จะตามมาเนาะ


ป้องกันเข่าเสื่อมได้ด้วยตนเอง

เข่าเสื่อมเป็นอาการที่รักษาไม่หายขาด และมักจะมีอาการปวดเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ผู้ป่วยมักทุกข์ทรมาน

แนวทางป้องกันไม่ให้เข่าเสื่อม

1. อย่ากินและนั่งมากจนอ้วน พบว่าถ้าลดน้ำหนักตัวลงได้ประมาณ 5 กิโลกรัม สามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเข่าเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50 มีหลักฐานยืนยันในผู้มีอาการปวดเข่า พบว่าอาการปวดจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถ้าน้ำหนักตัวลดลง

2. โครงสร้างเข่าผิดปกติ ลักษณะของโครงสร้างเข่าปกติมีหลายชนิด (เข่าโก่ง เข่าชิด หรือเข่าแอ่น) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น การเสริมรองเท้า การใส่อุปกรณ์ช่วยพยุง หรือถ้าไม่สามารถทำอะไรได้

3. หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาปะทะ ที่จะนำมาซึ่งอาการบาดเจ็บของเข่า ควรเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่เอามัน ไม่ควรเสี่ยงปะทะ เอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

4. ไม่ควรอยู่ในท่าคุกเข่า นั่งยอง ยืน เป็นเวลานาน ผู้ที่ต้องคุกเข่าทำงานอาจต้องหาวัสดุที่นิ่มมารองบริเวณเข่าเพื่อกระจายแรงกด ถ้าจำเป็นอยู่ในท่าเหล่านี้นานๆ ให้พยายามเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อให้แรงกดที่ข้อสลับเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ในกิจกรรมทางศาสนาที่ต้องนั่งพับเพียบกับพื้นเป็นเวลานาน ให้สลับนั่งพับเพียบซ้าย-ขวาบ่อยๆ ไม่ควรรอจนเข่าปวดแล้วจึงขยับ

5. เลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกหรือแรงบิดต่อข้อเข่าสูง เช่น การกระโดดซ้ำๆ การยกของหนักเกินกำลัง การหมุนตัวด้วยการใช้หัวเข่า

6. ลองวัดความยาวขาดู นอนหงาย ปล่อยขาตามสบายแต่ไม่กาง ให้เพื่อนคลำปุ่มกระดูกบริเวณที่เท้าสะเอว และกลางตาตุ่มของเท้าด้านใน วัดระยะห่างจากทั้ง 2 จุดในขาข้างหนึ่ง ถ้าขาสองข้างยาวไม่เท่ากันเกิน 2 เซนติเมตร ต้องเสริมรองเท้าในระยะที่ขาด

7. ออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าขาให้แข็งแรง อาจใช้วิธีการที่ทำกันทั่วไป คือ ถุงทรายน้ำหนัก 1-2 กิโลกรัม มาผูกกับข้อเท้า นั่งห้อยขาแล้วยกขึ้น-ลง ช้าๆ ถ้าได้ 10 ครั้ง แล้วเมื่อยพอดี ให้ทำซ้ำอีก 2 เซท หรือจะออกกำลังด้วยการยืนย่อเข่าทั้ง 2 ข้างประมาณ 20 องศา ค้างไว้ 1 วินาที แล้วเหยียดเข่า ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง ถ้ารู้สึกว่าง่ายไป อาจยืนขาเดียวพิงฝา ปรับจนทำได้ประมาณ 10 ครั้ง แล้วเมื่อยพอดี ทำซ้ำอีก 2 เซท

8. ถ้ามีอาการบาดเจ็บของเข่า มีอาการบวม ต้องทำการรักษา และงดการทำกิจกรรมที่ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น เมื่อหายยังไม่สนิทต้องระวังไม่ให้เป็นซ้ำและอย่าปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง

9. ไม่ควรใส่ส้นสูง จะทำให้เข่าแอ่น มีโอกาสที่เข่าจะเสื่อมได้ง่าย สวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับกีฬาแต่ละประเภท เช่น รองเท้าวิ่งก็ควรมีส้นรองเท้าที่นิ่มรับแรงกระแทกได้ดี รองเท้าสำหรับใส่เล่นแบดมินตันหรือเทนนิสควรมีพื้นบางเพื่อไม่ให้พลิกได้ง่าย เป็นต้น

ถ้าดูแลเข่าของเราให้ดีวันนี้ จะปราศจากอาการปวดในวันหน้า