พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข

พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข

         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยประชาชนชาวไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังพระราชดำรัสที่ว่า

“ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ ก็คือ พลเมือง นั่นเอง”

         ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่างๆ พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่างๆ และแพทย์อาสาสมัคร โดยเสด็จพระราชดำเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผู้ป่วยไข้ได้ทันที นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงได้ริเริ่มหลายโครงการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดังนี้

 Image result for การแพทยฺในหลวง

โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน

         ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แพทย์ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จฯ ตรวจและรักษาคนไข้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๒ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการชาวเขา และทรงพบว่าราษฎรที่มารอรับเสด็จป่วยเป็นไข้กันมาก

         โครงการดังกล่าวประกอบด้วยการบำบัดรักษาจากคณะแพทย์พระราชทาน และอบรมหมอหมู่บ้าน เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีอุปสรรคที่ระบบปกติยากจะดูแลได้ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราษฎรส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและขาดความรู้ในการดูแลรักษาตนเอง

โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน

         เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ เพื่อตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารโดยไม่คิดมูลค่า และถ้าจำเป็นก็จัดส่งไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม และในท้องถิ่นต่างๆ ที่ห่างไกลตัวเมืองมาก ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ออกทำการตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นกันดาร

Image result for การแพทยฺในหลวง

โครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์

         โครงการตามพระราชประสงค์ หมายถึง โครงการที่ทรงศึกษาปฏิบัติส่วนพระองค์กับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่างๆ เมื่อได้ผลดีแล้วจึงทรงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน

         โดยโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัยเพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง เป็นประจำ


หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่พระราชทาน

ในปี ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชปรารภว่า

        "เวลาพระองค์มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็มีทันตแพทย์ดูแลรักษา แล้วเวลาราษฎรที่อยู่ห่างไกลจะมีทันตแพทย์ช่วยรักษาหรือเปล่า"

ในเวลาต่อมา ทรงทราบว่าทันตแพทย์นั้นมีน้อยและมีอยู่ตามโรงพยาบาลประจำจังหวัดเท่านั้น บางจังหวัดก็ไม่มี

พระองค์ทรงรับสั่งว่า


        "การที่จะให้ราษฎรที่ยากจนที่มีปัญหาเรื่องฟัน หยุดการทำนาทำไร่ เดินทางไปหาแพทย์นั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงกันข้าม หากเป็นการให้บริการเคลื่อนที่ไปสู่ประชาชน ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง"


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสแก่ทันตแพทย์สี สิริสิงห์ ทันตแพทย์ประจำพระองค์ว่า


        "ฉันต้องการให้หมอช่วยไปดูแลบำบัดทุกข์ให้แก่นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นกันดารห่างไกลหมอ และจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตามความจำเป็นโดยให้จัดหน่วยเคลื่อนที่ไปโดยรถยนต์และตระเวนไปตามถนนหนทาง ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลชนบท”


        หน่วยทันตกรรมพระราชทานจึงก่อกำเนิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อรถยนต์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือทำฟัน มีทันตแพทย์อาสาออกปฏิบัติงาน โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๒ โดยมี ทันตแพทย์ สี สิริสิงห์ เป็นหัวหน้าทีม เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือบำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดาร


โครงการศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัย

         ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ แพทย์อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมากประสบการณ์เล็งเห็นความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์ไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูลและความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ในด้านศัลยกรรม และรวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย



โครงการแพทย์ หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้พระราชทาน

         เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคหู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์อาสาสมัครผลัดกันออกไปปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่เสด็จแปรพระราชฐาน โดยอาศัยแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รามาธิบดี ราชวิถี โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา และโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ ๒ สัปดาห์เริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาขยายการปฏิบัติงานไปที่จังหวัดสกลนคร และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่



โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์

         ความเจ็บป่วยของราษฎรเกิดจากการไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ประกอบกับไม่มีสถานพยาบาลอยู่ใกล้ บ้างก็เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ จึงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านรับการฝึกอบรมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การรักษาโรคอย่างง่าย เพื่อสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมหมู่บ้านได้ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เริ่มบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราโชวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาสาขาแพทยศาสตร์ตอนหนึ่งว่า

       “จึงใคร่ขอร้องให้ทุกๆ คนตั้งใจ และพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ผลสมบูรณ์จริงๆ อย่าปล่อยให้กำลังของชาติต้องเสื่อมถอยลงเพราะประชาชนเสียสุขภาพอนามัย”


        นับเป็นพระราชดำรัสที่แสดงถึงความตั้งพระทัยในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรอย่างแท้จริง ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดมั่นที่จะสืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ และ สมเด็จพระบรมราชชนนี พระมารดาของการแพทย์ชนบท ในการที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติสืบไป

Image result for การแพทยฺในหลวง


http://nih.dmsc.moph.go.th/jariyatam/home5.html

พืชผักกับความสวยความงาม

พืชผักกับความสวยความงาม



คุณสาวๆ หลายคนคาดคิดไม่ถึงว่า ศัตรูตัวฉกาจที่ทำร้ายผิวพรรณผู้หญิง ก็คือ โรคท้องผูก ซึ่งสุภาพสตรีวัยตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไปมักจะเป็นกันมาก ทั้งนี้โรคดังกล่าวนั้นมีสาเหตุมาจากการทำงานของระบบ เมตาบอริซึม ผิดปกติไป โดยมีสาเหตุใหญ่มาจากการกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อยเกินไปนั่นเอง

Image result for ผักใบเขียว

หลายคนคงเคยได้ยินว่า หากกินมังสวิรัติแล้วผิวพรรณจะสดใสเปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย ประการแรกอาจเป็นเพราะอาหารจำพวกพืชผักนั้นมีเส้นใยอาหาร (Fiber) สูง ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาโรคท้องผูกเรื้อรังได้ อีกประการหนึ่งก็คือ ผักผลไม้นั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่มีสรรพคุณในการถนอมผิวพรรณ เช่น วิตามิน A และวิตามิน E ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidiant) ที่ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี ทั้งยังปกป้องร่างกายจากเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย

วิตามิน A มีสารประกอบของ Tocopherols และ Tocotrinols พบมากในน้ำมันพืช ถั่วเมล็ดแห้ง แป้งสาลี นม มันเทศ ฟักทอง ผักบุ้ง แครอต กะหล่ำปลี มะเขือเทศ พริกขี้หนู มะม่วง และกล้วย เป็นต้น ซึ่งวิตามิน A จะมี Alpha - Tocopherol ที่เป็นตัว active ที่สุด



วิตามิน E เป็นสาร Antionidant ตัวสำคัญที่พบได้ใน Plasma และเม็ดเลือดแดง โดยปกติวิตามิน E จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์บุผิวชนิด cell membrane lopid จากการถูก Peoxidant มิให้เกิดเป็นอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์ วิตามิน E พบมากในเมล็ดอะโวคาโด ดอกทานตะวัน อัลมอนด์ ถั่วลิสง และผักใบเขียว



ร่างกายของคนเราต้องการวิตามิน E วันละ 12 มิลลิกรัมเพื่อประโยชน์ในการรักษาผิวพรรณและบำรุงร่างกาย ผู้ที่ได้รับวิตามิน E อย่างเพียงพอจะทำให้ผิวพรรณสวยงาม ลดอัตราการเกิดรอยแดงไหม้ (sunburn) ที่เกิดจากแสงแดด ช่วยลดริ้วรอยและความหยาบกร้าน ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ถึง 70 % ช่วยสมานแผล และช่วยลดการเกิดรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี



สารพัดเมนูผัดจานอร่อย

การขจัดตะกรัน

การขจัดตะกรัน

ตะกรัน (fouling) คือ คราบ เมือก ตะกอนสะสม เช่น คราบ ที่เกิดขึ้นบนเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (heat exchanger) คราบดังกล่าว มีผลทำให้การถ่ายเทความร้อนช้าลงบนพื้นที่แลกเปลี่ยนความร้อน อุปกรณ์แลกเปลียนความร้อน (heat exchanger) เช่น เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น (plate heat exchanger) เครื่องระเหย (evaporator) ทำให้สัมประสิทธิ์การถ่ายโอนความร้อนลดลงอย่างต่อเนื่อง

การขจัดตะกรัน
ควรกำจัดตะกรันเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นหากน้ำที่ใช้มีความกระด้างมาก

ขั้นตอนการขจัดตะกรัน
ใช้น้ำส้มสายชู
- เติมน้ำส้มสายชู 1/2 ลิตร
- ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องต้ม

ใช้กรดซิตริก
- ต้มน้ำ 1/2 ลิตร
- เติมกรดซิตริก 25 กรัม ทิ้งไว้ 15 นาที

ใช้สารขจัดตะกรันสำหรับกาต้มน้ำพลาสติกโดยเฉพาะ : ปฏิบัติตามคู่มือแนะนำของผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์นั้นๆ เทน้ำทิ้ง ล้างน้ำสะอาด 5 หรือ 6 ครั้งตามที่ต้องการ

การขจัดตะกันที่ตัวกรอง (ขึ้นอยู่กับรุ่น):
แช่ที่กรองในน้ำส้มสายชูหรือกรดซิตริกเจือจาง
ไม่ควรขจัดตะกรันด้วยวิธีที่นอกเหนือไปจากที่แนะนำไว้ข้างต้น