สารอาหารดี ดี มีใน "เห็ด"

สารอาหารดี ดี มีใน "เห็ด" 
mushroom

ในช่วงฤดูฝนอย่างนี้ อาจทำให้หลายคนไม่สบายได้ ยิ่งถ้าไม่ระมัดระวังตัวเองให้ดีแล้วล่ะก็ยิ่งไปกันใหญ่เลย นอกจากเราจะต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอแล้ว เรื่องของอาหารการกินก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีได้ ต้องยอมรับกันว่าในยุคนี้เป็นยุคทองของธรรมชาติกันจริงๆ เพราะผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องของธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคผักก็ต้องเป็นผักปลอดสารพิษ บริโภคอาหารกากใยมาก ๆ เป็นต้น

"เห็ด" สามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณที่มีความอับชื้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ ยิ่งทำให้ดอกเห็ดบานสะพรั่งกันเลยทีเดียว แต่เวลาที่เราจะเลือกรับประทานเห็ดแล้วล่ะก็อย่าสุ่มสี่สุ่มห้ารับประทานโดยเด็ดขาด ถ้าเราไม่รู้จักเห็ดชนิดนั้นๆ ดีพอ เอาเป็นว่าให้ซื้อจากตลาดที่เราเชื่อถือได้เป็นการดีที่สุด

ผู้อ่านคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัยกันแล้วว่า แล้วเห็ดนั้นมาเกี่ยวอะไรกับเคล้ดลับรักสุขภาพล่ะ ต้องบอกเลยว่าเกี่ยวกับสุขภาพกันจริงๆ ผู้อ่านรู้หรือเปล่าว่าเห็ดที่เรารับประทานกันเข้า ไม่ว่าจะเป็นเห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห้ดขาว ล้วนแล้วแต่ป้องกันโรคได้ทั้งสิ้น คุณสาธิต ไทยทัตกุล อุปนายกสมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย บอกว่าโดยเฉพาะเห็ดฟาง เมื่อเรารับประทานเข้าไปจะมีสารตัวหนึ่งในเห็ดฟางเข้าไปเคลือบกระเพาะ และช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ส่วนเห็ดหูหนู จะช่วยในเรื่องของการฟอกปอดได้ด้วย

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือเห็ดที่เรานำไปประกอบอาหาร จะต้องมีการลวกให้สุกเสียก่อน แต่คุณค่าทางอาหารก็ไม่ได้เสียไปกับความร้อนที่ใช้ จึงทำให้เรารับประทานเห็ดแล้วได้รับประโยชน์จากเห็ดได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับผัก หรือเนื้อสัตว์ที่ต้องสูญเสียวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ให้กับความร้อนไป ถ้าเรารู้จักที่จะเลือกรับประทานแล้วล่ะก็ เพียงแค่นี้เราก็มีสุขภาพที่ดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่วางจำหน่ายกันเกลื่อนตลาดในขณะนี้


กินอย่างไรให้มีประโยชน์
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ, สุขภาพดีสร้างได้

น้ำมันมะกอก กินก็ได้ ทาก็ดี

น้ำมันมะกอก 
กินก็ได้ ทาก็ดี


เรื่องสุดท้ายที่จะนำมาฝากกันในฉบับนี้ก็คือ น้ำมันมะกอก ปัจจุบันจะเห็นว่า เดี๋ยวนี้ผู้คนหันมานิยมใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหารกันมากขึ้น เพราะว่าน้ำมันมะกอกเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (monounsaturated fat) กินแล้วไม่อ้วน ไม่มีคลอเรสเตอรอลสูงเหมือนไขมันจากสัตว์ และ นักวิจัยของ บ.บารี ประเทศอิตาลี ได้ทำการศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุจำนวนหนึ่ง  กับการบริโภคอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว พบว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกในปริมาณเฉลี่ย 46 กรัมต่อวัน จะช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองไม่ให้เสื่อมไปตามอายุขัยด้วย



นอกจากจะช่วยไม่ให้สมองเสื่อมแล้ว น้ำมันมะกอกยังช่วยบำรุงเส้นผมของคุณให้มีน้ำหนักเป็นเงางามด้วย วิธีการง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งร้านเสริมสวยจากที่ใด เริ่มด้วยการชโลมน้ำมันมะกอกให้ทั่วศีรษะในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วสระผมทำความสะอาดเหมือนปกติ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ใช้น้ำมันมะกอกผสมกับไข่แดงตีให้เข้ากันชโลมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออก เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เส้นผมที่มีความเงางามและมีน้ำหนัก แต่สำหรับท่านที่ผมมันจะไม่เหมาะกับวิธีนี้ 

ส่วนคนที่ผิวแห้งโดยเฉพาะในหน้าหนาว ผิวจะแห้งแตก ทำให้เกิดอาการคัน ก็สามารถใช้น้ำมันมะกอกที่ผสมหรือไม่ผสมน้ำหอมทาผิว ช่วยลดการตึงของผิวได้ เห็นหรือยังละว่าน้ำมันมะกอกนี่สารพัดประโยชน์จริงๆ ก็ลองนำไปใช้ดูก็แล้วกัน ได้ผลอย่างไรอย่าลืมบอกต่อด้วย



สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

สุขภาพดี, สุขภาพแข็งแรง, กินเพื่อสุขภาพ

ยืนขาเดียว

สาระเพื่อชีวิต

ยืนขาเดียว




ท่านทราบหรือไม่ว่า โรคอัลไซเมอร์สามารถป้องกันได้ด้วยการยืนกระต่ายขาเดียว

ลองทำดูนะ ไม่ยาก แต่เคล็ดลับอยู่ที่ "ต้องหลับตา" จะยืนท่าไหนก็ได้ ขอให้เป็นขาเดียว ลองขาซ้ายกับขาขวาสลับกันคนละที จะรู้สึกไม่เหมือนกัน หากยืนได้ไม่ถึง 10 วินาที แสดงว่า ประสาทควบคุม ถดถอยไปถึง อายุ 60-70 ปีแล้ว

ฝึกบ่อยๆ จะฟื้นฟูความสมดุล ผู้รู้แนะว่า หากทำได้วันละ 1 นาที จะมีประโยชน์ต่อการรักษาระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด โรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง และจะห่างไกลโรคอัลไซเมอร์

เมื่อร่างกายเกิดการเจ็บป่วย ทางแพทย์จีนถือว่า อวัยวะในร่างกาย มีสภาพการทำงานที่ไม่สัมพันธ์์กัน ร่างกายจะเกิดสภาพไม่สมดุล ฉะนั้น "การยืนกระต่ายขาเดียว" จะทำการปรับปรุง เกลี่ยความสัมพันธ์เหล่านั้น


ที่เท้ามีเส้นประสาทที่สำคัญวิ่งผ่านวิ่งถึง 6 เส้น การยืนขาเดียวทำให้เส้นประสาทที่อ่อนแอ เกิดอาการปวดเมื่อย ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว และพลอยทำให้อวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นประสาทเหล่านั้นได้รับการปรับแต่ง

การยืนด้วยขาข้าเดียว ทำให้มีสมาธิ จะชักนำให้ลมปราณ และโลหิตในร่างกายวิ่ง ลงสู่ฝ่าเท้า ทำให้เกิดผลดีต่อการรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง และยังสามารถปรับปรุง อาการสมองฝ่อ ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับสมองได้อีกด้วย ที่สำคัญจะเพิ่มพูนระบบอิมมูนของร่างกายอย่างรวดเร็ว ใครที่เป็นโรคเท้าเย็นได้ผลทันตาเห็น

ผู้รู้บอกอีกว่า คนอายุช่วงไหนก็ทำได้ หากทำตั้งแต่หนุ่มสาวจะดียิ่ง แต่คนอายุ 70 ปี ขึ้นไป หรือคนแก่ที่ไม่สามารถแม้แต่จะยืนมั่นคงได้ด้วยสองขาของตัวเอง ก็อาจสายเกินไปเสียแล้ว

ไม่เสียหาย!!! ลองทำดูครับ แล้วยิ้มมมไปด้วย

นอกจากยืนขาเดียว เราสามารถฝึกเดินจงกรม ให้ร่างกายจิตใจดีขึ้นได้


มาสเตอร์เรืองฤทธิ์  แสงจิต


ดูแลสุขภาพ,, สุขภาพดี





ป้องกันอัลไซเมอร์   ยืนขาเดียว   ฝึกลมปราณ  

การรักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพร

การรักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพร


ที่ผ่านมามีงานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพถึงการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าพฤติกรรมเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง

โดยร่างกายของคนมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงก็จะสารมารถต่อสู้กับโรคมะเร็งได้

สาเหุตสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง มีสารพิษปลอมปน ไม่สะอาด มีสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงความเครียด วิตกกังวล การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารพิษหรือสารก่อมะเร็ง ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งทั้งสิ้น

ดังนั้นการป้องกันการเกิดมะเร็งที่ดี คือการเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารที่เน้นอาหารธรรมชาติ มีเส้นใย (Fiber) สูง เช่น ผักพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยวิตามิน เอ อี ซี ในปริมาณมาก เช่น ผักใบเขียว ผักตระกูลกะหล่ำ ตำลึง โหระพา ข่า กระเทียม หัวหอม มะระ เป็นต้น


นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง และมีสารแอนติออกซิเดนต์ ได้แก่ ขมิ้นชัน กุยช่าย กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า บร็อกโคลี มะแว้งเครือ มะแว้งต้น มังคุด หอมแดง กะเพรา โหระพา กระเทียม งา ชะเอม ดีปลี ขมิ้นอ้อย ตำลึง ขิง ตะไคร้ น้ำเต้า มะเขือเทศ มะเขือพวง มะระขี้นก และมะขามป้อม


ตะไคร้เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นักชีวเคมี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่วิจัยพบว่า สามารถรักษาหรือป้องกันโรคมะเร็งได้

ตะไคร้มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่พร้อมคิดค้นวิธีการสกัดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรและแคปซูล อาหารเสริมต้านมะเร็ง จากการวิเคราะห์องค์ประกอบพบว่า สารสกัดจากตะไคร้นั้นมีสารสำคัญคือ Citral ที่มีฤทธิ์หยุดวงจรการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกสำหรับคุณสมบัติข้อนี้ของตะไคร้เลยทีเดียว

สาร Citral ในตะไคร้ ได้รับการศึกษาในสัตว์ทดลองห้องปฏิบัติการ พบว่ามีศักยภาพในการป้องกันการสะสมของเนื้องอกและมะเร็ง รวมถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งระบบทางเดินอาหาร โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งผิวหนัง และประเภทอื่นๆ ของเนื้องอก

อีกทั้งตะไคร้ยังมีจำนวนขององค์ประกอบที่ใช้งานอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติเป็นยา ได้แก่ Geraniol และ Citronellol

การศึกษาบางส่วนมองว่าตะไคร้เป็นมากกว่าสารเคมี การศึกษาในหนูยังพบว่าตะไคร้ป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็งตับ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าตะไคร้ยับยั้งการก่อตัวของโรคมะเร็งในทางเดินอาหารบางอย่างด้วย

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถพัฒนาสารสกัดจากตะไคร้ เพื่อนำมาใช้ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ก็ตาม แต่ก็เป็นที่น่ายินดีว่าการค้นพบดังกล่าวแสดงให้เห้นว่าตะไคร้ ซึ่งเป้นพืชประจำครัวเรือนของคนไทย มีประสิทะิภาพป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้

จึงทำให้เชื่อว่าการที่คนไทยไม่ค่อยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เนื่องจากมีการนำตะไคร้ไปใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหารอยู่ด้วย

การรับประทานอาหารที่มีตะไคร้เป็นเครื่องปรุง จะทำให้ได้รับสารอาหารหลายชนิดจากตะไคร้ และตะไคร้ยังช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร รวมทั้งผู้บริโภคยังได้รับสารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย

ถือได้ว่าเป็นความโชคดีของคนไทยที่มีการรับประทานอาหารที่มีตะไคร้เป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือว่าได้รับประทานอาหารและยาไปพร้อมๆ กัน จึงอยากให้คนไทยรุ่นใหม่หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับสมุนไพรไทย เลือกรับประทานอาหารตามวิถึชีวิตของคนไทย ที่เน้นการรับประทานอาหารประเภทผัก อาหารจากธรรมชาติให้มากขึ้น จะทำให้ชีวิตปลอดภัยจากสารก่อมะเร็งและโรคต่างๆ





สุขภาพดี, ดูแลสุขภาพ

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย

มะเร็งปากมดลูก มีอาการโดยมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติ มีอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจวินิจฉัยทำได้โดยการขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจหาเชื้อมะเร็ง

มะเร็งในมดลูก อาการคือมีเลือดออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อ หรือมีอาการบวมในช่องท้อง

มะเร็งรังไข่ อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ หรืออาการเจ็บปวดหลังมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ มีอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลลด และมีอาการปวดหลัง

มะเร็งในเม็ดเลือดขาว (ลูดีเมีย) มีอาการเหนื่อยง่าย และซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่างๆ ทั่วร่างกาย บางครั้งมีอาการท้องอืด เมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

มะเร็งปอด มักมีการไอบ่อยๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เจ็บบริเวณหน้าอก และหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มะเร็งตับ อาการมักปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองถึงเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะจะมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ รู้สึกปวดแสบเวลาปัสสาวะ

มะเร็งสมอง จะมีอาการปวดศีรษะนานๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียวๆ แดงๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง หรือเป็นลมกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว  ควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหากเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

มะเร็งในช่องปาก มีก้อนบวมอยู่ในปากหรือที่่ลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยในปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป้นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่เป็นประจำหรือนาน

มะเร็งในลำคอ มีอาการเสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในลำคอจะรู้สึกกลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถสัมผัสได้

มะเร็งในกระเพาะอาหาร น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืด อาหารไม่ค่อยย่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อในช่องท้อง

มะเร็งทรวงอก มีเลือดหรือของเหลวไหลออกมาจากหัวนม บวม หรือ ผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้น มีก้อนจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป้นเวลานาน ควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คน จะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ควรค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจน

มะเร็งลำไส้ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมาก ระบบย่อยผิดปกติ มีเลือดปนออกมากับอุจจาระ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

มะเร็งผิวหนัง มีแผลหรือแผลเปื่อยผุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน ตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง

มะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ เพศชาย มักเป็นมะเร็งตับ มะเร็งปอด ส่วนเพศหญิงมักเป็นมะเร็งปากมดลูด และมะเร็งเต้านม


ดูแลสุขภาพ, สุขภาพดี